วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประเภทของระบบสารสนเทศ

ประเภทของระบบสารสนเทศ
 
ระบบสารสนเทศจำแนกตามโครงสร้างองค์การ (Classification by Organizational Structure)
การจำแนกประเภทนี้เป็นการจำแนกตามโครงสร้างขององค์การ ตั้งแต่ระดับหน่วยงานย่อยระดับองค์การทั้งหมด และระดับระหว่างองค์การ

สารสนเทศของหน่วยงานย่อย (Departmental information system)
หมายถึงระบบสารสนเทศที่ออกมาเพื่อใช้สำหรับหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งของ องค์การ โดยแต่ละหน่วยงานอาจมีโปรแกรมประยุกต์ใช้งานใดงานหนึ่งของตนโดยเฉพาะ เช่น ฝ่ายบุคลากรอาจจะมีโปรแกรมสำหรับการคัดเลือกบุคคล หรือติดตามผลการโยกย้ายงานของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน โดยโปรแกรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องของฝ่ายบุคลากร จะมีชื่อว่าระบบสารสนเทศด้านทรัพยากรมนุษย์ (Human resources information systems)

ระบบสารสนเทศของทั้งองค์การ (Enterprise information systems)
หมายถึงระบบสารสนเทศของหน่วยงานที่มีการเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่ทั้งหมดภาย ในองค์การ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือองค์การนั้นมีระบบสารสนเทศที่เชื่อมโยงทั้งองค์การ

ระบบสารสนเทศที่เชื่อมโยงระหว่างองค์การ (Interorganizational information systems-IOS)
เป็นระบบสารสนเทศที่เชื่อมโยงกับองค์การอื่นๆ ภายนอกตั้งแต่ 2 องค์การขึ้นไป เพื่อช่วยให้การติดต่อสื่อสาร หรือการประสานงานร่วมมือมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการผ่านระบบ IOS จะช่วยทำให้การไหลของสารสนเทศระหว่างองค์การหรือทั้งซัพพลายเชน (Supply chain) เป็นไปโดยอัตโนมัติ เพื่อใช้ในการวางแผน ออกแบบ การพัฒนา การผลิต และการส่งสินค้าและบริการ

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
 
ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology)
ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศหมายถึง อุปกรณ์หรือเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการรวบรวมประมวล เก็บรักษา และเผยแพร่ข้อมูลและสารสนเทศโดยรวมทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ฐานข้อมูล และการสื่อสาร โทรคมนาคม

 ความหมายของข้อมูลและสารสนเทศ   ระบบสารสนเทศสร้างขึ้นมาเพื่อจุดมุ่งหมายหลายประการจุดมุ่งหมายพื้นฐาน ประการหนึ่ง คือ การประมวลข้อมูล (Data) ให้เป็นสารสนเทศ  (Information) และนำไปสู่ความรู้ (Knowledge) ที่ช่วยแก้ปัญหาในการดำเนินงาน
ความหมายของข้อมูล   ข้อมูล คือ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ หรือข้อมูลดิบที่ยังไม่ผ่านการประมวลผล ยังไม่มีความหมายในการนำไปใช้งาน ข้อมูลอาจเป็นตัวเลข ตัวอักษร สัญลักษณ์ รูปภาพ เสียง หรือภาพเคลื่อนไหว
ความหมายของสารสนเทศ สารสนเทศ คือ ข้อมูลที่ได้ผ่านการประมวลผลหรือจัดระบบแล้ว เพื่อให้มีความหมายและคุณค่าสำหรับผู้ใช้

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

 
ประโยชน์ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
1.การใช้ Hadware ร่วมกัน
ระบบเครือข่าย Network จะช่วยให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่อง Hadware
2.การใช้ Software ร่วมกัน
3.การเชื่อมต่อกับระบบอื่น
4.การใช้ Muitiuers
หมายถึง ระบบที่ User สามารถใช้โปรแกรมหรือข้อมูลเดียวกัน

โครงส้างของเครือข่าย

โครงส้างของเครือข่าย
 
 
 
 
 
หมายถึง รูปแบบการจัดวางคอมพิวเตอร์และการเดินสายสัญญาณคอมพิวเตอร์ในเครรือข่าย โดยแบ่งโครงสร้างเครือข่ายหลัก 3 แบบ คือ
1.เครือข่ายแบบดาว
เครือข่ายแบบนี้จะมีคอมพิวเตอร์หลักที่เป็นโฮส์ต
 
2.เครือข่ายแบบวงแหวน
เครือข่ายแบบนี้จะมีการติดต่อสื่อสารเป็นวงแหวนโดยที่ไม่มีคอมพิวเตอร์หลัก คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในเครือข่ายสามารถติดต่อกันได้โดยตรง
 
3.เครือข่ายแบบบัส
เครือข่ายแบบนี้จะมีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ บนสายเคเบิลซึ่งเรียกว่า บัส

ข้อดีของเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ข้อดีของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
 
 
 
1.สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
2.สามรถแชร์ทรัพยากร
3.สามารถแชร์เอกสาร
4.ประหยัดเนื่องจากสามารถแชร์ทรัพยากรร่วมกันได้
5.สามารถใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล์
6.การสนทนาผ่านเครื่อข่ายหรือการแชท
7.การประชุมระยะไกล
8.การแชร์ไฟล์ต่างๆ
9.การแชร์ซอฟต์แวร์ต่างๆ

วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์


ความหมายและความสําคัญ
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีองค์ประกอบที่สำคัญ เพื่อการเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ได้แก่ คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (File Server) 
ช่องทางการสื่อสาร (Communication Chanel) สถานีงาน (Workstation or Terminal) และ อุปกรณ์ในเครือข่าย (Network Operation System) 

วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ระบบเครือข่ายแบบเบสแบนด์และบรอด์แบนด์

                   ระบบเครือข่ายแบบเบสแบนด์และบรอด์แบนด์




        ระบบเครือข่ายแบบเบสแบรนด์(Baseboard) จะเป็นการสื่อสารข้อมูลที่สายสัญญาณหรือตัวกลางในการส่งผ่านสัญญาณสามารถส่งได้เพียงหนึ่งสัญญาณในเวลาขณะใดขณะหนึ่งเท่านั้น นั่นคือ อุปกรณ์ที่ใช้งานสายสัญญาณในขณะนั้นจะครอบครองช่องสัญญาณทั้งหมดโดยอุปกรณ์อื่น ๆ จะไม่สามารถร่วมใช้งานได้เลย เช่นที่เห็นได้ชัดคือ ระบบโทรศัพท์ ระบบเครือข่าย LAN 
ระบบเครือข่ายแบบบรอดแบนด์(Broadband) จะตรงข้ามกับ Baseboard นั่นคือจะเป็นการสื่อสารข้อมูลที่ตัวกลางในการส่งผ่านสัญญาณสามารถมีหลายช่องสัญญาณได้พร้อมกัน โดยใช้วิธีการแบ่งช่องความถี่อออกจากกัน ทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถสื่อสารกันโดยใช้ช่องความถี่ของตนเองผ่านตัวกลางเดียว เช่นระบบเครือข่าย Cable TV ซึ่งสามารถส่งสัญญาณมาพร้อมกันหลาย ๆ ช่องบนสายสื่อเส้นเดียว และผู้รับก็สามารถเลือกช่องความถี่ที่ต้องการชมได้ 

การสื่อสารข้อมูลแบบอนุกรมและแบบขนาน

การสื่อสารข้อมูลแบบอนุกรมและแบบขนาน


การสื่อสารแบบอนุกรม ข้อมูลจะถูกส่งออกมาทีละบิต  ระหว่างจุดส่งและจุดรับ การส่งข้อมูลแบบนี้จะช้ากว่าแบบขนาน การถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรมต้องการตัวกลางสำหรับการสื่อสารเพียงช่องเดียวหรือสายเพียงคู่เดียว ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าแบบขนานสำหรับการส่งระยะทางไกลๆ โดยเฉพาะเมื่อเรามีระบบการสื่อสารทางโทรศัพท์ไว้ใช้งานอยู่แล้ว ย่อมจะเป็นการประหยัดกว่าที่จะทำการติดต่อสื่อสารทีละ 8 ช่อง เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลแบบขนาน
การสื่อสารแบบขนาน ทำได้โดยการส่งข้อมูลออกทีละ 1 ไบต์ หรือ 8 บิตจากอุปกรณ์ส่งไปยังอุปกรณ์รับ อุปกรณ์ตัวกลางระหว่างสองเครื่องจึงต้องมีช่องทางให้ข้อมูลเดินทางอย่างน้อย 8 ช่องทาง เพื่อให้กระแสไฟฟ้าผ่านโดยมากจะเป็นสายสัญญาณแบบขนาน ระยะทางของสายสัญญาณแบบขนานระหว่างสองเครื่องไม่ควรยาวเกิน 100 ฟุต เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาสัญญาณสูญหายไปกับความต้านทานของสาย นอกจากนี้อาจมีปัญหาที่เกิดจากระดับไฟฟ้าสายดินที่จุดรับผิดไปจากจุดส่ง ทำให้เกิดการผิดพลาดในการรับสัญญาณทางฝ่ายรับ 

ทิศทางของการสื่อสารข้อมูล

ทิศทางของการสื่อสารข้อมูล



 สามารถแบ่งทิศทางการสื่อสารของข้อมูลได้เป็น 3 แบบ คือ
 1. แบบทิศทางเดียว (Simplex) เป็นทิศทางการสื่อสารข้อมูลแบบที่ข้อมูลจะถูกส่งจากทิศทางหนึ่งไปยังทิศทางโดยไม่สามารถส่งข้อมูลย้อนกลับมาได้ เช่นระบบวิทยุ หรือโทรทัศน์
 2. แบบกึ่งสองทิศทาง (Half Duplex) เป็นทิศทางการสื่อสารข้อมูลแบบที่ข้อมูลสามารถส่งกลับกันได้ 2 ทิศทาง แต่จะ
ไม่สามารถส่งพร้อมกันได้ โดยต้องผลัดกันส่งครั้งละทิศทางเท่านั้น เช่น วิทยุสื่อสารแบบผลัดกันพูด
3. แบบสองทิศทาง (Full Duplex) เป็นทิศทางการสื่อสารข้อมูลแบบที่ข้อมูลสามารถส่งพร้อม ๆ กันได้ทั้ง 2 ทิศทาง ในเวลาเดียวกัน เช่น ระบบโทรศัพท์

วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วิธีการสื่อสารข้อมูล

 
 
 
 
 
วิธีการสื่อสารข้อมูล

วิธีการสื่อสารข้อมูลระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

        1.การสื่อสารข้อมูลแบบไม่ประสานจังหวะ (Asynchronous)
การสื่อสารข้อมูลแบบอะซิงโครนัส (Asynchronous) จะส่งข้อมูลออกมาทีละตัวอักษร โดยจะเพิ่มบิตนำหน้า (start bit or space) และบิตสิ้นสุด (stop bit or mark) เพื่อบอกขอบเขตของ ตัวอักษร ในกรณีที่มีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก็จะเพิ่มบิตแพริตี้ (parity bit) เข้ามาด้วย เนื่องจากการส่งข้อมูลเป็นไปทีละตัวอักษร (หรือไบท์) ซึ่งเป็นอิสระต่อกัน ดังนั้นช่วงต่อระหว่าง ตัวอักษรที่ส่งออกไปจึงไม่มีความสำคัญมากนัก นั่นคือตัวอักษรจำนวนหลายตัวอาจถูกส่งติดต่อกันไปโดยไม่เว้นช่วงเลยหรืออาจมีการเว้นช่วงว่าง (idle) ระหว่างการส่งตัวอักษรแต่ละตัวก็ได้ และ ช่วงว่างแต่ละช่วงก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเท่ากัน ในกรณีที่ไม่มีข้อมูลจะส่ง แทนที่จะปล่อยให้ไม่มีสัญญาณเลยก็มักจะส่งบิตสิ้นสุด (คือบิต1) ติดต่อกันไปตลอดเวลาจนกว่าจะไม่มีข้อมูลพร้อมส่ง หรือยกเลิกการสื่อสารระหว่างกัน

2.การสื่อสารข้อมูลแบบประสานจังหวะ (Synchronous)
ข้อมูลกลุ่มหนึ่งประกอบกันเป็นบล็อก (block) ประกอบด้วยข้อมูล 4 ส่วน คือ
1) ตัวอักษรซิงค์ (synchronous character; SYN) จำนวน 3 ตัว
2) ข้อมูลที่ต้องการส่งจำนวนหนึ่ง
3) ชุดข้อมูลควบคุม (block control character) และ
4) อักษรสิ้นสุดบล็อก (end of block character) ถูกนำมาใช้ในการสื่อสารข้อมูลแบบซิงโครนัส (Synchronous) ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าแบบอะซิงโครนัส ในที่นี้ตัวอักษรซิงค์มีหน้าที่หลักในขณะส่งข้อมูลสองประการคือ เป็นตัวบอก จุดเริ่มต้นของบล็อกข้อมูลและเป็นข้อมูลที่ทางฝั่งผู้รับ เปรียบเทียบจังหวะการรับข้อมูลของตนเองให้สอดคล้องกับจังหวะการส่งข้อมูลของผู้ส่ง นอกจากนี้ ในขณะที่ไม่มีการส่งข้อมูล ผู้ส่งและผู้รับจะแลกเปลี่ยนตัวอักษรซิงค์ระหว่างกันเพื่อประโยชน์คือ ทำให้ทั้งคู่ทราบว่าอีกฝ่ายหนึ่งยังคงทำงานให้ตรงกันเพื่อให้มีความพร้อมในการส่งข้อมูลอยู่ตลอดเวลา

การสื่อสารข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์

 
 
ชนิดของสัญญาณ อิเล็กทรอนิกส์      
    สัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการสื่อสารสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ สัญญาณ อนาล็อก และสัญญาณดิจิตอล สัญญาณอนาล็อกได้แก่ สัญญาณเสียง และสัญญาณในธรรมชาติทั้งหมด ปัญหาที่สำคัญของสัญญาณ อนาล็อกก็คือเรื่องสัญญาณรบกวน ซึ่งในบางครั้งอาจทำให้ระบบไม่สามารถใช้งานได้เลย ดังนั้นจึงมีการนำสัญญาณดิจิตอลเข้ามาแทนที่
1. สัญญาณแบบอนาล็อก (Analog Signal)
         จะเป็นสัญญาณแบบต่อเนื่องที่ทุกๆ ค่า ที่เปลี่ยนแปลงไปของระดับสัญญาณจะมีความหมาย การส่งสัญญาณแบบนี้จะถูกรบกวนให้มีการแปลความหมายผิดพลาดได้ง่าย เนื่องจากค่าทุกค่าถูกนำมาใช้งาน ซึ่งสัญญาณแบบอนาล็อกนี้จะเป็นสัญญาณที่สื่อกลางในการสื่อสารส่วนมากใช้อยู่เช่น สัญญาณเสียงในสายโทรศัพท์ เป็นต้น

 
 
 
 
  2. สัญญาณแบบดิจิตอล (Digital Signal)
           จะประกอบขึ้นจากระดับสัญญาณเพียง 2 ค่าคือ สัญญาณระดับสูงสุด และสัญญาณระดับต่ำสุด ดังนั้นจะมีประสิทธิภาพ และความน่าเชื่อถือสูงกว่าแบบอนาล็อกเนื่องจากมีการใช้งานค่าสองค่า เพื่อนำมาตีความหมายเป็น on/off หรือ0/1 เท่านั้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่คอมพิวเตอร์ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน


 



ประโยชน์ของการสื่อสารข้อมูล

 
 
 
ประโยชน์ของการสื่อสารข้อมูล
 
   1. การจัดเก็บข้อมูลได้ง่ายและสื่อสารได้รวดเร็ว จัดเก็บในรูปของสัญาณอิเล็กทรอนิกส์สามารถจัดเก็บไว้ในแผ่นบันทึกที่มีความจุสูง
   2. ความถูกต้องของข้อมูล โดยปกติวิธีส่งข้อมูลด้วยสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์
   3. ความเร็วของการทํางานโดยปกติสัญญาณทางไฟฟ้าจะเดินทางด้วยความเร็วเท่าแสง
  4. ต้นทุนประหยัด การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าหากันเป็นเครื่อข่ายเพื่อส่งหรือสําเนาข้อมูล ทําให้ราคาต้นทุนการใช้ข้อมูลประหยัดขึ้น


วัตถุประสงค์ของการนําการสื่อสารข้อมูลมาใช้ในองค์กร

 
 
วัตถุประสงค์ของการนําการสื่อสารข้อมูลมาใช้ในองค์กร
 
1.เพื่อรับข้อมูลและารสนเทศจากแหล่งกําเนิดข้มูล
2.เพื่อส่งและกระจายข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
3.เพื่อลดเวลาการทํางาน
4.เพื่อการประหยัดค่าใช้จ่ายในการส่งข่าวสาร


ข่ายการสื่อสารข้อมูล




ข่ายการสื่อสารข้อมูล คือ การรับส่งข้อมูลหรือสารสนเทศจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยอาศัยระบบการส่งข้อมูล ทางคลื่นไฟฟ้าหรือแสง เป็นอุปกรณ์ที่ประกอบเป็นระบบการสื่อสารข้อมูล

ข่ายการสื่อสารข้อมูล คือ การรับส่งข้อมูลหรือสารสนเทศจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยอาศัยระบบการส่งข้อมูล ทางคลื่นไฟฟ้าหรือแสง เป็นอุปกรณ์ที่ประกอบเป็นระบบการสื่อสารข้อมูลโดยมีองค์ประกอบ ดังนี้
1. ผู้ส่งข่าวสาร
2. ผู้รับข่าวสาร
3. ช่องสัญญาณ
4. การเข้ารหัส
5. การถอดรหัส
6. สัญญาณรบกวน

วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

การสื่อสารข้อมูล

 
 
การสื่อสารข้อมูล (Data Communications) หมายถึง กระบวนการถ่ายโอนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับ โดยผ่านช่องทางสื่อสาร เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือคอมพิวเตอร์เป็นตัวกลางในการส่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน
วิธีการส่งข้อมูล จะแปลงข้อมูลเป็นสัญญาณ หรือรหัสเสียก่อนแล้วจึงส่งไปยังผู้รับ และเมื่อถึงปลายทางหรือผู้รับก็จะต้องมีการแปลงสัญญาณนั้น กลับมาให้อยู่ในรูปที่มนุษย์ สามารถที่จะเข้าใจได้ ในระหว่างการส่งอาจจะมีอุปสรรค์ที่เกิดขึ้นก็คือ สิ่งรบกวน (Noise) จากภายนอกทำให้ข้อมูลบางส่วนเสียหาย หรือผิดเพี้ยนไปได้ซึ่งระยะทางก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ด้วยเพราะถ้าระยะทางในการส่งยิ่งมากก็อาจจะทำให้เกิดสิ่งรบกวนได้มากเช่นกัน จึงต้องมีหาวิธีลดสิ่งรบกวน
เหล่านี้ โดยการพัฒนาตัวกลางในการสื่อสารที่จะทำให้เกิดการรบกวนน้อยที่สุด